การพัฒนาการศึกษาไทยให้สูงยิ่งขึ้น

technology

การศึกษาไทยเป็นอีกจุดหนึ่งที่หลายรัฐบาลพยายามที่จะผลักดันสร้างให้เกิดขึ้นได้จริง แต่บางเรื่องก็ทำได้ บางเรื่องก็ทำไม่ได้ซ้ำร้ายบางนโยบายกลับทำให้การศึกษาไทยถอยหลังลงไปอีก หากจะถามว่าการศึกษาไทยจะพัฒนาอย่างไรดี เรามีข้อแนะนำเล็กๆน้อยมาแนะนำเพื่อว่าจะไปแตกยอดต่อความคิดให้เกิดขึ้นจริงได้

ลดความสำคัญของการสอบนักศึกษา

เมื่อก่อนเราเชื่อว่าการสอบเป็นการวัดระดับความรู้ที่สำคัญและจำเป็นมากที่สุด เป็นเครื่องมือที่วัดกรองได้โดยเฉพาะจำนวนข้อสอบเยอะกับข้อสอบแบบตัวเลือก 4 ตัว แต่ปัจจุบันการวัดความเก่ง ความรู้ ความเข้าใจในศาสตร์ต่างๆด้วยเครื่องมือแบบเดิมนั้นดูจะไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว หากต้องการพัฒนาการศึกษาไทยจริง การหาเครื่องมือแบบอื่นมาถ่วงน้ำหนักในการวัดความรู้ของเด็กน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า อีกอย่างหนึ่งการวัดคุณค่าของคนจากการสอบแต่เพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่ใช่แนวคิดที่ถูกต้องนักหากมองไปที่ประเทศที่เค้าประสบความสำเร็จในการศึกษา สรุปว่าควรลดสำคัญของการสอบลงได้ก็จะทำให้นักเรียนลดความเครียดในการเรียนลงได้เยอะ

ให้ความสำคัญกับทุกวิชาที่เรียน

ความคิดของบ้านเรามักจะมีความคิดที่แปลกอยู่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ เรามักจะมีความเชื่อว่าคนเรียนสายวิทย์เก่ง สายศิลป์(ไม่ว่าจะเป็นภาษา หรือ แขนงอื่นๆ)ไม่เก่ง สายสามัญเรียนเก่ง สายอาชีพเรียนไม่เก่ง ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ดีเอาเสียเลย อย่าลืมว่าแต่ละศาสตร์ของตัวเองก็มีความเฉพาะทางความยากอยู่เหมือนกัน แม้ว่าการจะท่องจำสูตรทางเคมี คำนวณแรงแบบฟิสิกส์ เข้าใจเรื่องราวรอบตัวจากชีวภาพจะยากก็จริง แต่การเรียนรู้ ฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาที่ 3 ที่ยังไม่เคยเรียนมาเลยตั้งแต่เด็ก แล้วมาเรียนใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน ดังนั้นช่วยกันเปลี่ยนความคิดซะใหม่ ทุกวิชาสำคัญเท่ากันหมด

ลดการประเมินที่ไม่จำเป็น

สำหรับในมิติของโรงเรียนนั้น ต้องยอมรับเลยว่าสิ่งที่กวนการสอนมากที่สุดคงหนีไม่พ้นงานเอกสารที่เข้ามาเยอะมากทั้งในหน่วยงานต้นสังกัดเอง และหน่วยงานอื่น แต่ที่กวนการสอนมากที่สุดมันคืองานการประเมินแบบต่างๆที่ออกมาเยอะเหลือเกิน โรงเรียนตามธีมนั้นธีมนี้เยอะแยะไปหมด ทีนี้โรงเรียนก็ต้องทำการเตรียมตัว เตรียมนักเรียน เอกสาร สถานที่ อาหาร อีกมากมาย ก็ไม่ได้เรียนกันไปอีก ปีๆหนึ่งมีเรื่องราวแบบนี้เยอะมาก หากอยากจะพัฒนาการศึกษาไทยลดเรื่องนี้ลงเหอะ ครูจะมีเวลาสอนนักเรียนเยอะมาก

 

 

หัวขบวนต้องรู้จริงการศึกษา

ปัจจัยสุดท้ายที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะว่า ไม่ว่าเราจะเป็นรัฐบาลจากนักการเมืองเรื่อยมาจนถึงรัฐบาลทหาร เราก็ยังไม่มีเจ้ากระทรวงที่เป็นคนเกี่ยวกับการศึกษาจริงๆสักที เลยไม่แปลกที่ทำให้มีนโยบายบางอย่างที่ดูผิดฝาผิดตัวตลอด หวังว่าจะมีเจ้ากระทรวงเป็นคนในวงการศึกษาจริงๆสักที